ถ่ายกับเจ้าโลโซ เสื้อกับด้าน |
ครั้นตอนเป็นเด็ก
เมื่อครั้นตอนยังเด็กสิ่งที่ผมและเด็กๆทุกสมัยต้องเจอกับคำถามที่ว่า "โตขึ้น หนูอยากเป็นอะไร" ผมตอบไปโดยไม่ลังเลว่าอยากเป็นตำรวจ และคำตอบส่วนมากที่มาค้นพบก็มักไม่แตกต่างกัน กับคำตอบที่ว่า หมอ,พยาบาล,ทหาร,ตำรวจ เมื่อวัยชีวิตผ่านพ้นเข้าทุกช่วงอายุ ความคิดเริ่มเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ผมถูกเติบโตมากับสังคม วิถีชีวิตคนชนบทของเล่นสมัยนั้นผมและเพื่อนๆยังคงเล่นไปตามวิถีเก่าแก่ อย่างเช่น ชนกว่างในช่วงเข้าพรรษา เล่นว่าวตอนชาวบ้านเกี่ยวข้าวเสร็จ ทางเหนือจะเกี่ยวข้าวช้ากว่าทางภาคอีสาน ว่าวเราก็จะทำกันเองโดย พอตกเย็นๆเราก็จะนำว่าวมาลานประลองที่ กลางสนามโรงเรียน ทุกของเล่นที่เราเล่นกันในสมัยนั้นเราจะทำกันขึ้นมาเอง อย่างว่าวเราก็ไปหาผู้เฒ่าผู้แก ที่มีฝือมือแถวบ้านสอน พวกเราก็รู้ว่าไผ่ชนิดอะไรที่เบาควรนำมาทำว่าว หรือถ้าจะหากวางมาชน ต้องหาจากต้นไม้อะไร มันทำให้ผมในสมัยนั้นสามารถอยู่กับช่วงวันหยุดได้โดยไม่เบื่ออะไรเลย งานที่ผมทำก่อนออกไปเล่นข้างนอก เพียงแค่กรอกน้ำใส่ตู้เย็น สมัยนั้นผมยังตื่นมาดูการตูนช่อง 9 ของ(น้าต๋อย เซมเบ้) หรือ เจ้าขุนทองช่อง 7
เพื่อนเด็กๆแถวบ้านตอนนี้ผมก็ยังติดต่อกับอยู่เสมอเรายังหยอกล่อเรื่องสมัยเด็กๆ ถึงแม้ว่าบ้างคนจะมีครอบครัวกันไปหมดแล้ว โดยเรายังมีวันพบปะกันที่บ้านผมทุกๆสิ้นปี เพื่อถามไถ่ทุกข์สุขดิบกัน
ภาพสมัยตอนผม 4-5 ขวบ |
ครั้นตอนโตเป็นหนุ่ม
เมื่อผมเรียนจบ ม.3 ถึงเวลาที่ชีวิตต้องเปลี่ยนแปลงไปอีกระดับหนึ่งผมเลือกที่จะเรียนสายอาชีพ ด้วยความคิดที่ว่า เบื่อทรงผมหัวเกรียนเต็มที่แล้ว อยากเป็นเด็กช่าง จึงได้เข้าสู่เมืองใหญ่ครั้งแรกด้วยการเข้าไปเรียนต่อ โรงเรียนช่างเอกชนแห่งหนึ่งใน ตัวเมืองเชียงใหม่ สาขาช่างไฟฟ้า สมัยนั้นเรียกว่า วัยฮอร์โมนกำลังพุ่งเริ่มจากการคบเพื่อนใหม่ ทำให้ช่วงชีวิตผมนั้นตอนนั้นได้ลองอะไรครบสูตร ทั้งเที่ยวกลางคืน ติดเกมส์ และเริ่มคบผู้หญิง แต่ด้วยที่ด้วยเป็นเด็กบ้านนอกที่ค่อยเตือนสติให้ตัวเองยังรอดและเรียนจบมาได้ ครั้นจบ ปวช (เทียบเท่า ม.6) ผมได้ลองสอบเข้า คณะวิศวะไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ผลสอบออกมาก็แห้ว ต้องกับไปซบอกโรงเรียนเดิม คือเรียนต่อ ปวส อีก 2 ปีพอจบ ปวส. ออกจากใจมันหวิวๆเหมือนเราจะต้องทำงานเป็นผู้ใหญ่แล้ว ประจวบกับตอนนั้นอายุก็ 21 พอดีถึงวัยเกณฑ์ทหารหลังจากเสร็จภาระกิจเกณฑ์ทหารแล้ว ทางเลือกที่ต้องเลือกให้ชีวิตก็มาถึงอีกครั้ง ระหว่าง ทำงาน และสอบเข้ามหาลัยอีกครั้ง ในสภาพตอนนั้นผมได้เลือกลองสอบ วิศวะไฟฟ้าอีกครั้งและผลสอบก็แห้วอีกตามเคย ผมมีทางเลือกอยู่ไม่กี่ที่สำหรับทางไฟฟ้า ระหว่างไปเรียน ม.ราชภัฏลำปาง 2 ปีต่อเนื่อง และ ไฟฟ้ามหาลัยเอกชน ผมมานั่งคิดอยู่นาน อาจจะคิดอยู่ตลอดผมเรียนไฟฟ้าไปทำไม ผมชอบจริงเหรอ ทำไมมันมีทางเลือกน้อยจัง ผมตัดสินใจครั้งใหญ่ผมบอกแม่ "แม่ผมจะเป็นนักดนตรี" ผมเลือกที่จะกำลับไปเรียน ปริญาตรี 4 ปีใหม่โดยผมเลือกลงคณะ ดุริยางคศิลป์ โดยเราสามารถเลือกลงได้ 3 สาขาผมเลือก
- ดุริยางคศิลป์ 5 ปีจบมาเป็นครูสอนดนตรี
- ดุริยางคศิลป์ 4 ปี เอกดนตรีสากล
- การโปรแกรมและการรักษาความปลอดภัยบนเว็บ (พี่ชาย ห้อยไว้ให้กันเหนียว)
ประวัติคร่าวๆช่วงวัยเรียนที่ผมสรุปมา บ้างครั้งผมภูมิใจที่ผมเป็นเด็กที่ผ่านโลกมาเยอะ ทำให้เราเป็นภูมิคุ้มกันกับโลกข้างนอกเยอะขึ้น สรุปผมอยู่เชียงใหม่มา 9 ปีเรียกได้ว่าเชียงใหม่เป็นบ้านของผมไปแล้ว
0 ความคิดเห็น :